Last updated: 30 พ.ค. 2566 | 1265 จำนวนผู้เข้าชม |
ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป แล้วแต่บุคคล
ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป แล้วแต่บุคคล
ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป แล้วแต่บุคคล
มีสิวอักเสบเม็ดใหญ่ ไม่มีหัว ขึ้น ดูแลอย่างไรดี ?
•ประคบเย็น
•แต้ม BPO
•ทายาปฏิชีวนะชนิดทาแต่ไม่ให้ทาเป็นตัวเดียวเพราะมีโอกาสดื้อยาได้
•เลเซอร์ Vbeam PDL, Gold Toning Pico Laser
•ฉีดสิว Intralesional Steroid Injection ห้ามฉีดมากและลึกเกินไปจะทำให้มีการยุบตัวของผิวได้ครับ
มีสิวอักเสบเม็ดใหญ่ ไม่มีหัว ขึ้น (Inflammatory Acne) ใช้ BPO Benzoyl peroxide แต้มบางๆ บริเวณสิวอักเสบดีขึ้นแทนการใช้ยาปฏิชีวนะชนิดทาได้นะครับ (ไม่เสี่ยงต่อ การที่เชื้อแบคทีเรียจะดื้อยาด้วยครับ)
•ถ้าอักเสบไม่กี่เม็ดทา BPO บาง ๆ ทิ้งไว้ได้เลยครับแต่ต้องแต้มบางบางเฉพาะเม็ดที่อักเสบนะครับ
•หากดูแลเบื้องต้นเองแล้วไม่ดีขึ้นหรือเป็นมากขึ้นแนะนำพบแพทย์นะครับ
Benzoyl peroxide topical acne treatment can be used to treat any type of acne, but it is most effective on inflammatory acne, called acne vulgaris.
ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป แล้วแต่บุคคล
สิวอักเสบเกิดจากอะไร & ดูแลอย่างไร Inflmmatory acne treatment ? https://youtu.be/s9ocFrPjMAE
สิวอักเสบเกิดจากกอะไร ?
•สิวอักเสบ (Inflammatory acne) หรือ Papulopustular acne คือสิวอุดตัน (Comedones) ที่มีแบคทีเรีย C.acnes เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว
•โดย P.acnes สามารถดึงดูดเม็ดเลือดขาวเข้ามาในตุ่มสิว กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และยังมีเอนไซม์ช่วยในการย่อยน้ำมัน (Sebum) ในตุ่มสิวให้กลายเป็นกรดไขมันที่มีฤทธิ์กระตุ้นให้เกิดการอักเสบอีกด้วย
•สิวอักเสบสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามขนาดของตุ่มสิวอักเสบ และความรุนแรงของอาการอักเสบ ดังนี้
1.สิวชนิดตุ่มนูนแดง (Papule) เป็นตุ่มแดงเจ็บ ขนาดไม่เกิน 0.5 ซม. ส่วนมากสิวชนิดนี้เป็นสิวอักเสบในระยะแรกที่เปลี่ยนมาจากสิวอุดตัน
2.สิวหัวหนอง (Pustule)มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและปวด ข้างบนตุ่มมีหัวหนองสีเหลือง เป็นสิวที่มีอาการอักเสบมากกว่าสิวอักเสบชนิด Papule หรืออาจเกิดจากสิวมีการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นแทรกซ้อน
3.สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก (Nodule)เป็นตุ่มแดงเจ็บขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง โดยมีขนาดเกิน 0.5 ซม. มีอาการเจ็บปวดค่อนข้างมาก สาเหตุมักเกิดจากเป็นสิวอักเสบชนิด Papule แล้วมีการกดบีบสิว ทำให้แบคทีเรียและน้ำมันในตุ่มสิวแตกกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้สิวยิ่งอักเสบบวมแดง
4.สิวเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (Acne Cyst) พบได้ไม่บ่อย ถุงน้ำใต้ผิวหนังอาจมีขนาดใหญ่หลายเซนติเมตร ไม่แดง ไม่ปวด มีลักษณะเป็นถุงภายในและมีของเหลวข้นหนืดสีเหลือง สิวชนิดนี้แม้จะรักษาจนยุบแล้ว แต่หลังจากนั้นมักจะกลายเป็นแผลเป็นก้อนนูนแข็งหรือหลุมสิวขนาดใหญ่
5.สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่งที่มีความรุนแรงมาก มักเป็นในวัยรุ่นผู้ชายที่มีผิวหน้ามันมาก บางรายมีประวัติคนในครอบครัวเป็นสิวหัวช้างด้วย สิวหัวช้างมีลักษณะเป็นสิวอักเสบรุนแรงทุกชนิดขึ้นรวมกันหนาแน่น ได้แก่ สิวชนิด pustule, nodule และ cyst หัวสิวมักแตก มีหนองและน้ำเหลืองไหลตลอดเวลา มักมีเกิดที่ใบหน้า, หน้าอก และหลัง รักษาได้ยาก และหากได้รับการรักษาที่ผิดวิธีอาจทำให้สิวลุกลามติดเชื้อมากขึ้น เซลล์ผิวหนังถูกทำลายจนกลายเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่หรือหลุมสิวถาวร
ยาทาภายนอกสำหรับรักษาสิวอักเสบ
ยาทาถือเป็นการรักษาสิวที่ได้รับความนิยมที่สุด เนื่องจากสะดวก และไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยากิน แต่หากเป็นสิวอักเสบรุนแรง การรักษาด้วยยาทามักไม่เพียงพอ ต้องใช้ร่วมกับยากิน
1.ยากลุ่ม Benzoyl peroxide BPO ใช้ทาก่อนล้างหน้า 5-15 นาที เป็นยาทาที่ออกฤทธิ์หลายอย่าง เช่น ลดการอักเสบ ทำให้ผิวหนังลอกหลุดเร็วขึ้น ช่วยลดสิวอุดตันและฆ่าแบคทีเรีย C.acnes ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือช่วยป้องกันเชื้อดื้อยาด้วย ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้คือ ทำให้ผิวแห้งลอกเป็นขุย คัน แสบ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ทายา
2.ยาทาปฏิชีวนะ หรือ ยาฆ่าเชื้อ (Topical antibiotics)เป็นยาปฏิชีวนะที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ เช่น Clindamycin Erythromycin
*ห้ามใช้รักษาสิวเป็นยาเดี่ยว เพราะแบคทีเรียจะดื้อยาอย่างรวดเร็ว ในระยะแรกควรใช้ร่วมกับยาทาอื่นๆ แล้วค่อยหยุดเมื่ออาการเริ่มดีขึ้น
3.ยาทาเรตินอยด์ (อนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ) ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวหนัง ลดสิวอุดตันและลดการอักเสบ
•แต่ขาดคุณสมบัติการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไม่สามารถลดการสร้างน้ำมันบนผิวหนังได้
•ด้วยคุณสมบัติที่ดีของยากลุ่มนี้ จึงสามารถใช้ร่วมกับการรักษาสิวทุกระยะ และใช้ทาป้องกันการเกิดสิวอุดตันได้ด้วย
•ผลข้างเคียงคือ ทำให้ผิวลอก คัน แดง จึงต้องทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดดและห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
4.กรดไฮดรอกซี (Hydroxy Acid)คือกรดอ่อนชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน จัดการต้นตอของปัญหาผิวได้ดี โดยกรดไฮดรอกซี สามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามคุณสมบัติและที่มาของกรดนั้นๆ ส่วนใหญ่แล้วที่นิยมนำมาใช้ในสกินแคร์คือ
-กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) หรือ AHA : เป็นกรดที่ได้จากสารสกัดของผลไม้ เช่น กรดมาลิกในแอปเปิ้ล กรดซีตริกในมะนาวหรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว กรดแลกตริกในนมเปรี้ยว ฯลฯ มีฤทธิ์ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่คล้ำเสียหรือตายแล้วซึ่งจับตัวกันเป็นก้อนให้หลุดลอกออกไป ช่วยละลายการอุดตัน จึงทำให้รอยสิวดูจางลง นอกจากนี้ ยังช่วยลดอาการอักเสบจากสิวอักเสบ กระชับรูขุมขน และกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น เปล่งปลั่งและผิวหน้าใสขึ้น
-กรดเบต้าไฮดรอกซี (Beta hydroxy acid) หรือ BHA : เป็นกรดที่ได้จากการสังเคราะห์ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) คุณสมบัติเด่นของ BHA คือละลายน้ำมันได้ ออกฤทธิ์กับสภาพผิวมันหรือผิวเป็นสิวได้เป็นอย่างดี สามารถขจัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยน นอกจากนั้นยังช่วยฟื้นบำรุงผิวจากการระคายเคือง และลดการอักเสบได้ดีอีกด้วย
Cr:หมอรุจชวนคุย
https://s.lemon8-app.com/s/cjjQQcxcQR
https://twitter.com/drsuparuj/status/1663129016168222720?s=46&t=4qYp2uAwziMgaMmgVGnMyQ
https://twitter.com/drsuparuj/status/1663077771227320331?s=46&t=4qYp2uAwziMgaMmgVGnMyQ
https://bit.ly/3JVgPYt
https://bit.ly/3OZNgqk
https://bit.ly/3c36z3D
https://youtu.be/wshBg2I5oic
https://youtu.be/AybwsUwEVjs
https://youtu.be/s9ocFrPjMAE
https://youtu.be/s9ocFrPjMAE
...
คลิก!! จองสิทธิ์!! เพื่อรับข้อเสนอพิเศษ
(จำนวนจำกัด)
...
ปรึกษาคุณหมอหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 063-959-4392 / 063-896-2514
Line: http://line.me/ti/p/@Demedclinic
Line: @Demedclinic
Wechat/Whatsapp: Demedclinic
IG: https://www.instagram.com/drsuparuj
www.facebook.com/drsuparuj
Youtube: https://bit.ly/3p20YLE
Blockdit: https://bit.ly/3d8vYr1
https://vt.tiktok.com/ZSJ141Mdf/
https://mobile.twitter.com/drruj1
www.demedclinic.com / www.demedhaircenter.com